สำหรับผู้ใช้ รถยนต์ ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถในการออกเดินทางซื้อของ หรือ ขนของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด อาหารแห้ง หรือของใช้ต่างๆ ที่มีสารเคมี รวมไปถึงของที่มีกลิ่นต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำให้รถเปื้อนและมีกลิ่นฉุนค้างอยู่ในรถได้ง่าย และถึงแม้จะนำออกไปแล้ว แต่หากไม่ได้กำจัดกลิ่นอย่างเหมาะสม ทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจจะทำให้ภายในให้บรรยากาศในรถแย่ไม่น่าใช้อีกต่อไป
1.ติดกล่องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่
ถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ดีที่สุด โดยเฉพาะเครื่องเซ่นไหว้ที่มีกลิ่นคาวอย่างเนื้อสัตว์ หรือของสด ๆ อย่างผัก ไปจนถึงอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เช่น ถุงแกงต่าง ๆ ซึ่งการเก็บไว้ในกล่องพลาสติกอเนกประสงค์ก็จะช่วยป้องกันการหกเละเทอะจากของเหลวต่าง ๆ แล้ว ที่มาจากถุงรั่ว หรือคราบมันรอบนอกหีบห่อแล้ว ยังช่วยลดการกระจายของกลิ่นอีกด้วย
แต่วิธีนี้อาจจะต้องวางแผนกันว่าจะใช้กล่องพลาสติกอเนกประสงค์ไซส์ไหนจะเหมาะสมที่สุด รวมไปถึงการเลือกตำแหน่งจัดวางว่าจะวางท้ายรถ หรือวางไว้บนเบาะหลังเพื่อรักษาอุณหภูมิ
2.ติดถุงหนา ๆ, ถุงซิปใบใหญ่ หรือกล่องลังกันน้ำ
หากผู้ใช้รถหรือครอบครัวไม่มีกล่องอเนกประสงค์ใบใหญ่พอ หรือพื้นที่ในรถมีจำกัด การใช้ถุงพลาสติก/ถุงซิปหนา ๆ แบบใช้ซ้ำได้ หรือหากมีกล่องลังพลาสติกที่สามารถกันน้ำหรือของเหลวออกมาข้างนอกได้ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ใช้แทนได้ดีทีเดียว แม้ประสิทธิภาพการเก็บกลิ่นอาจจะทำได้ไม่ดีเท่า แต่ก็กันน้ำ ของเหลว หรือแม้แต่คราบมันได้ และช่วยป้องกันคราบ หรือการรั่วของหีบห่อได้ในระดับหนึ่ง
3. ตรวจเช็ครอยเลอะอย่างละเอียด
แม้หลังจากกลับถึงบ้าน ขนของเซ่นไหว้ออกจากรถพักเข้าตู้เย็น แต่ถ้าหากในรถของคุณยังมีกลิ่นมัน ๆ คาว ๆ หรือกลิ่นของสดที่ยังไม่หายไปจากรถ ลองสังเกตว่าตรงเบาะ พื้นรถ พรมรถ หรือแม้แต่ปุ่มบนแผงคอนโซล ปุ่มกระจกหน้าต่าง, หัวเกียร์ พวงมาลัย หรือแม้แต่เข็มขัดนิรภัยว่ามีคราบของเหลว หรือคราบมันติดอยู่ในรถด้วยหรือไม่
คราบดังกล่าวจะเกิดจากการสัมผัสของถุงหรือหีบห่อที่เปื้อน, คราบของเหลวที่รั่วไหล ไปจนถึงการใช้มือเปล่าสัมผัสของเซ่นไหว้ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งคราบพวกนี้จะก่อให้เกิดกลิ่นสะสมภายในรถได้ แม้จะเช็ดด้วยทิชชู่ออกทั้งเช็ดมือ หรือเช็ดตามรถก็เป็นวิธีที่ขจัดกลิ่นและคราบเพียงบางส่วนเท่านั้น
4.เคลียร์ขยะชิ้นใหญ่ ๆ
ก่อนที่จะลงน้ำยาทำความสะอาด ควรสำรวจว่ามีเศษขยะชิ้นใหญ่ ๆ รวมไปถึงเศษดินเศษทราย เพราะหากใช้น้ำยาทำความสะอาดก่อนโดยที่ไม่ได้เก็บขยะหรือเศษชิ้นใหญ่ ๆ ออกก่อนก็จะทำให้รถสปรกมากขึ้น และการทำความสะอาดก็จะยุ่งยากมากขึ้น ส่วนเบาะนั้นก่อนเช็ดน้ำยาควรเช็ดหรือดูดฝุ่นออกไปก่อน
5.เตรียมน้ำยาทำความสะอาด กับน้ำยาขจัดกลิ่น
การเตรียมน้ำยาสำหรับทำความสะอาดและบำรุงรักษาภายในควรจะเลือกอย่างระมัดระวัง และให้ประสิทธิภาพทำความสะอาดที่ดีที่สุด
โดยหลัก ๆ จะเป็นการขจัดคราบรอยเปื้อน ของเหลว น้ำมัน และสิ่งสปรกออกให้สิ้นซาก ซึ่งจะช่วยลดกลิ่นได้ดีที่สุด โดยอาจจะใช้น้ำยาทำความสะอาด กับน้ำยาขจัดคราบมัน หรืออาจจะใช้สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวอย่างน้ำส้มสายชู เบคกิ้งโซดา หรือน้ำยาล้างจานก็นำมาใช้ทำความสะอาดได้ ปิดท้ายด้วยการฉีดพรมน้ำยาขจัดกลิ่นตามเบาะผ้าหรือเบาะหนังเพื่อเพิ่มความชัวร์
6.จุดที่ควรทำความสะอาดด่วน
เช่น รอยเปื้อนบนเบาะ, รอยเปื้อนบนพื้น, พวงมาลัยกับปุ่ม, หัวเกียร์, ก้านเบรกมือหรือปุ่มเบรกมือไฟฟ้า, จออินโฟเทนเมนต์, ปุ่มปรับอากาศหรือปุ่มวิทยุ, มือจับเปิดประตู, สายเข็มขัดนิรภัย ซึ่งเป็นจุดที่มีโอกาสเปื้อนคราบต่าง ๆ มากที่สุด ทั้งรอยเปื้อนจากหีบห่อ ไปจนถึงการสัมผัสโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งการทำความสะอาดบางจุดที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าควรทำอย่างระมัดระวัง
7. เปลี่ยนน้ำหอมรถยนต์ หรือใส่ถ่านดับกลิ่น
เพื่อความสดชื่นต้อนรับเทศกาลตรุษจีน หลังจากทำความสะอาดภายในแล้ว ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะเปลี่ยนน้ำหอมใหม่ หรือหากไม่ต้องการใช้น้ำหอม หรือต้องการกลิ่นหอมธรรมชาติ ก็ใช้ถ่านไม้มาใส่ถุงหรือกระปุกวางไว้ในรถเพื่อดับกลิ่น หรือใช้มะกรูด ดอกไม้ มามอบความหอมแบบธรรมชาติ
ขอบคุณที่มา : https://auto.mthai.com/news/tips/111378.html