รวม 9 ข้อสำคัญ
วิธีการดู รถมือสอง เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ
1. สภาพภายนอกรถยนต์
สิ่งแรกที่เป็นจุดสังเกตได้ง่าย คือสภาพภายนอกรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น รอยเฉี่ยวชน, รอยบุบ, รอยลักยิ้ม, รอยสีแตก, รอยสนิม ต่าง ๆ รวมถึงความเดิม ๆ ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งชุดพาร์ทรอบคัน ว่าสมบูรณ์ขนาดไหน พร้อมใช้งานหรือไม่ หากเป็นไปได้ควรเปิดทั้ง ฝากระโปรง รวมถึง ฝาท้ายด้านหลังดูว่า แซสซีส์ของรถมีความสมบูรณ์หรือไม่ มีการดัด คดงอ หรือไม่ เพราะสภาพโครงสร้างรถยนต์ ก็ถือว่าเป็นจุดจำเป็นที่สุด
2. สภาพภายในรถยนต์
สิ่งจำเป็นไม่แพ้ภายนอกรถยนต์คือภายใน โดยเริ่มแรกควรเช็คสภาพ รอยแตก รอยแยก รอยชำรุดต่าง ๆ ของแผงคอนโซล หน้าปัดเรือนไมล์ แสดงผลได้ครบทุกตำแหน่ง ระบบปรับอากาศ ว่าเย็นปกติหรือไม่ ทั้งช่วงจอดและขับ ระบบไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งกระจกไฟฟ้า (ถ้ามี) เครื่องเสียง ระบบเซ็นทรัลล็อค รวมถึงระบบต่าง ๆ ที่รถยนต์มี พยามเช็คให้ครบทั้งหมด และในส่วนสภาพของเบาะนั่งก็สำคัญ ว่ามีรอยแตก รอยฉีก หรือไม่ นอกจากนี้กลิ่นภายในรถก็สำคัญว่าไม่มีกลิ่นชื้นแต่อย่างใด
3. ตรวจสอบเลขไมล์รถยนต์
ส่วนนี้ก็ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก เพราะเลขไมล์บ่งบอกถึงสภาพความสมบูรณ์ของรถยนต์ เฉลี่ยแล้ว รถยนต์ที่ใช้งานปกติ เลขไมล์จะอยู่ราว 3 หมื่นกิโล ต่อ 1 ปี ซึ่งต้องดูปัจจัยโดยรวมหลาย ๆ อย่าง หากตัวรถสภาพสมบูรณ์มาก ๆ และเลขไมล์น้อยก็พอเข้าใจได้ แต่หากรถสภาพผ่านการใช้งานมา แต่เลขไมล์น้อย อันนี้ควรระวังไว้ว่า เตนท์รถอาจย้อมแมวหรือกรอไมล์คุณเข้าแล้ว
4. ปีของรถยนต์
จะซื้อรถทั้งที ต้องดูให้ละเอียด ประวัติปีรถยนต์ต้องชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ เพราะในส่วนนี้ถือว่าเป็นตัวชี้วัดของราคารถยนต์มือสองเลยก็ว่าได้ โดยการดูปีรถยนต์ เราต้องดูที่ปีผลิต ไม่ใช่ปีจดทะเบียนแต่อย่างใ5.
5.เครื่องยนต์
หัวใจหลักของรถยนต์ คงจะหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ นอกจากเช็คปีผลิต รวมถึงระยะไมล์แล้ว ความฟิตของเครื่องยนต์ก็สำคัญ หลักการเช็คง่าย ๆ ให้คุณลองสตาทเครื่องยนต์ดูเบื้องต้นว่า การสตาทเป็นไปได้ปกติหรือไม่ รอบเดินเบา และรอบสูงมีความไหลลื่น หรือมีอาการผิดปกติหรือไม่แต่อย่างใด รวมถึงการสั่นสะท้านเข้ามาในห้องโดยสาร มีมากน้อยขนาดไหน นอกจากนี้ควรสอบถามเตนท์รถว่า มีการเปลี่ยนถ่ายของเหลวเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ มานานหรือยัง สภาพแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่ ปกติหรือไม่ รวมถึงเปิดฝากระโปรงดูว่า สภาพของสายพาน เป็นอย่างไรบ้าง ที่สำคัญเลยคือควรเช็คที่พื้นว่า มีรอยหรือคราบน้ำมันเครื่องหยดลงหรือไม
6. เช็คและตรวจสอบระบบช่วงล่าง
นอกจากเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่างก็สำคัญและจำเป็นไม่แพ้กัน ข้อนี้เป็นการแนะนำ หากสามารถทำได้ ควรทำ ซึ่งเราต้องยกรถขึ้นเพื่อดู ใต้ท้องรถ และเช็คสภาพต่าง ๆ ให้แน่ใจ ไม่ว่าจะเป็น ยางรถยนต์พยามหมุนดูให้ครบรอบว่ามีรอยแตก รอยบวม รอยฉีกหรือไม่ รวมถึงโช๊คอัพ บูชยางต่าง ๆ ว่ามีความแน่น หรือมีรอยน้ำมันซึม หรือไหล หรือไม่
7. ทดลองขับจริง
หลังจากเช็คทั้งสภาพเครื่องยนต์ และช่วงล่างด้วยตาเปล่าหรืออุปกรณ์กันมาแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ทดลองขับจริง สิ่งแรกที่ควรทดลองคือ เครื่องยนต์ ว่ามีการสั่นคลอนขนาดไหน ทดลองโดยเข้าเกียร์ D (สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ) แล้วเหยียบเบรคค้างไว้ ลองดูว่ามีอาการสั่นมากน้อยขนาดไหน ในรอบเดินเบา สังเกตความสมูทของการทำงาน ว่ามีอาการกระตุกหรือไม่ และการขับขี่ในรอบสูง อัตราเร่ง รวมถึงอุณหภูมิหม้อน้ำว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ นอกจากนี้ทดลองน้ำหนักพวงมาลัย ช่วงล่าง และการควบคุมทั้งหมด ว่าเหมาะสมและถูกใจคุณหรือไม่
8. เอกสารประจำรถยนต์ต้องครบ
หลังจากเช็คทั้งหมดเรียบร้อย หากกำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์คันนี้ ควรเช็คและตรวจสอบ เอกสารประจำรถยนต์ทั้งหมด ว่าครบครัน ขนาดไหน โดยเฉพาะ สมุดคู่มือการจดทะเบียน ประกัน รวมถึงสมุดเข้ารับการซ่อมบำรุง ว่าได้รับการตรวจสม่ำเสมอหรือไม่
9. หลังตกลงซื้อขายรีบเข้าศูนย์บริการ
แม้ว่ารถยนต์ที่เราตรวจสอบจะมีสภาพที่รับได้ หรือบางคันอาจจะดูดีด้วยซ้ำ แต่อย่าลืมว่าหากตกลงปลงใจเรียบร้อยแล้ว ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการแต่ละแบรนด์อีกครั้ง เพื่อเช็คโดยช่างผู้ชำนาญการ อาจเกิดค่าใช้จ่ายเล็กน้อย แต่มันก็เป็นสิ่งดีและจำเป็น เพราะเราอาจจะไม่ทราบว่า ระบบภายในต่าง ๆ มีอะไรที่ชำรุดเพิ่มเติมจากที่เช็คหรือไม่แต่อย่างใด
และนี่คือทั้งหมด ของสิ่งสำคัญในการเช็ค รถมือสอง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อ เพราะทุกคนก็อยากให้จำนวนเงินที่เสียไป คุ้มค่าและได้ในสิ่งที่ต้องการที่สุด โดยเฉพาะหลังวิกฤต Covid-19 แบบนี้ ที่เราควรรัดเข็มขัดและใช้เงินให้คุ้มที่สุดนั่นเอง
ขอบคุณที่มา : autostation.com