หน้าแรก / บริการอื่นๆ / 9 สิ่ง เกี่ยวกับรถ ที่ควรเช็คเบื้องต้นเป็นประจำ
บริการอื่นๆ
9 สิ่ง เกี่ยวกับรถ ที่ควรเช็คเบื้องต้นเป็นประจำ

เพื่อความปลอดภัย และประหยัดเงินในกระเป๋า

 

1. น้ำมันเครื่อง

           เริ่มจากน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องยนต์กันก่อนเลย การดูปริมาณน้ำมันเครื่องก็ไม่ยาก เพียงแค่ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา แล้วเช็คดูที่ก้านน้ำมันเครื่อง ว่าระดับของน้ำมันเครื่องเป็นอย่างไร โดยที่ก้านวัดน้ำมันเครื่องนี้จะมีแถบ 2 บน-ล่าง บางยี่ห้อก็จะเขียน F กับ L ซึ่งคราวนี้เพื่อนๆ ก็ต้องดูกันเองแล้วว่ารถตัวเองเป็นแบบไหน โดยการตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง เราควรที่จะตรวจเช็คดูช่วงเช้า หรือก่อนที่จะเอารถออกไปใช้ เพราะว่าน้ำมันเครื่องจะไหลลงมาที่อ่างน้ำมันเครื่องเกือบทั้งหมด โดยให้ระดับน้ำมันเครื่อง อยู่ระหว่างกลางของทั้ง 2 แถบ

 

2. น้ำฉีดกระจก 

            เหมือนจะไม่จำเป็นนะ แต่เราควรที่จะเติมให้เกือบๆ เต็มไว้ตลอดเวลา เพราะถ้าเวลาที่เราขับรถบนถนน เราไม่สามารถทราบได้ว่าเราจะเจอกับเศษอะไรบ้าง อาจจะเจอเศษฝุ่น น้ำขังกระเด็นขึ้นมาโดนกระจก หรือจะโดนขี้นก ตกลงมาใส่ ก็เป็นได้ ถ้าเราไม่มีน้ำฉีดกระจก ของพวกนี้ ก็จะบังทัศนะวิสัยในการขับขี่ของเรา เพราะฉะนั้น น้ำฉีดกระจกควรจะมีให้ใช้งานตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยในจุดนี้ 

 

3. ใบปัดน้ำฝน 

            ต่อมาเป็นใบปัดน้ำฝน หลายๆ คน คงจะงงแล้วเราจะเช็คใบปัดน้ำฝนอย่างไรละ ก็ฝนไม่ตกหรือเราไม่ได้ขับผ่านน้ำ ไม่ยากๆ แค่คุณกดปุ่มน้ำฉีดกระจกที่สวิทช์ควบคุมก้านปัดน้ำฝนในรถ น้ำฉีดกระจกก็จะฉีดเข้าที่กระจกหน้ารถของคุณ แล้วใบปัดน้ำฝนก็จะทำงาน คราวนี้เราลองดูว่า ใบปัดน้ำฝน รีดน้ำที่กระจกได้เต็มประสิทธิภาพไหม ขุ่นมัวหรือเปล่า ก้านใบปัดน้ำฝนกดเต็มผิวหน้าหรือเปล่า ถ้าไม่ก็จัดการเปลี่ยนซะ เพราะถ้าเกิดวันนั้นฝนตกหรือเราเจอน้ำสาดเข้ามา ใบปัดน้ำฝนก็จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกอย่างเราสามารถเช็คได้ว่ามอเตอร์ของปั้มน้ำฉีดกระจกเสียไหม ถ้าเสียน้ำฉีดกระจกจะไม่สามารถฉีดกระจกได้นั้นเอง ให้รีบเปลี่ยนซะ

 

4.แบตเตอรี่

           การเช็คแบตเตอรี่ อันดับแรงดูที่ตาแมวของแบตเตอรี่ก่อนเลย ลองเช็คดูว่าตาแมวอยู่ที่สีอะไร ไฟในแบตเตอรี่เต็มหรือเปล่า (จะมีข้อมูลสีติดที่ตัวแบตเตอรี่) ถ้าไฟในแบตเตอรี่ไม่เต็ม เราก็ควรเอาไปชาร์จซะ และอีกอย่างก็คือ น้ำกลั่น ถ้ารถคุณเป็นแบตเตอรี่น้ำก็ควรที่จะเช็คดูระดับน้ำกลั่นว่าอยู่ในระดับที่กำหนดไว้ไหม ถ้าไม่ก็ซื้อน้ำกลั่นมาเติมเพื่อยึดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ 

 

5. น้ำมันเบรค 

            การตรวจเช็คน้ำมันเบรคก็ไม่ได้ยากอะไรมากนัก ซึ่งกระปุกน้ำมันเบรคจะอยู่ติดกับหม้อลมเบรคสีดำๆ ติดกับผนังห้องเครื่องวิธีการนั้น ไม่ยากเลยเพราะว่าเราสามารถมองด้วยตาได้เลย เนื่องจากกระปุกน้ำมันเบรคจะเป็นแบบใสๆ เขียนว่า Max กับ Min ซึ่งถ้าน้ำมันเบรคอยู่ในระดับที่ปกติ จะอยู่ที่คำว่า Max แต่ถ้าน้ำมันเบรคพร่องลงมา ระดับครึ่งของอักษร 2 ตัว หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย ให้สันนิษฐานก่อนเลยว่าผ้าเบรคอาจจะใกล้หมด (ถ้ามั่นใจว่าไม่มีการรั่วซึม ไม่ต้องเติมน้ำมันเบรกเข้าไปเพิ่ม เพราะหากเปลี่ยนผ้าเบรกให้มีความหนามากขึ้น ระดับน้ำันเบรกจะกลับมาสูงตามเดิม) หรือมีการรั่วซึม เราสามารถตรวจเช็คได้โดยหาซื้อน้ำมันเบรคมาเติมให้อยู่ในระดับ Max ให้เรียบร้อยปิดฝา แล้วอีกซัก 2-3 วัน มาเช็คดูใหม่ ถ้าน้ำมันเบรค ไม่พร่องก็สบายใจได้ แต่ถ้าน้ามันเบรคพร่องลง มาอยู่ในระดับเกือบครึ่งกระปุกหรือสูงกว่านั้น ให้คุณเอารถเข้าเช็คที่ศูนย์หรืออู่รถได้เลย เพราะในระบบเบรคอาจมีอะไรเสียหายก็ได้ 

 

 

6. น้ำหล่อเย็น

           ระบบน้ำในหม้อน้ำ หรือน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นเลย เพราะถ้าเกิดความร้อนขึ้น เครื่องยนต์ก็จะมีปัญหาได้ ซึ่งการตรวจเช็คน้ำหม้อน้ำไม่ยาก โดยรถรุ่นใหม่ๆ จะมีถังพักน้ำที่ต่อเข้ากับหม้อน้ำ เราลองเปิดถังพักน้ำขึ้นมาดูว่าระดับน้ำพร่องลงไหม ถ้าระดับน้ำพร่องลงให้เติมน้ำในถังพักน้ำให้ได้ค่าปรกติ ซึ่งจะมีเส้นกำหนดเอาไว้ที่ถังพักน้ำ (ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องร้อน)

 

 

7. ไฟหน้า ไฟเลี้ยว หน้า-หลัง และไฟเบรค

           เรื่องของไฟนี้สำคัญอีกหนึ่งสิ่ง วิธีการตรวจเช็คไม่ยากเลย ไฟหน้าก็เปิดไฟหน้าทิ้งไว้แล้วเดินออกมาดูหน้ารถ ทั้งไฟสูงและไฟปกติ ต่อมาเป็นไฟเลี้ยวก็เปิดข้างไว้ทีละข้างจะเริ่มทางฝั่งไหนก่อนก็ได้ แล้วก็เดินดูหน้ารถและท้ายรถ ให้เรียบร้อย ส่วนไฟเบรค หลังถ้าเช็คได้ด้วยตัวเองก็เปิดไฟหรี่แล้วเดินดูท้ายรถว่าติดไหม แต่เวลาที่เหยียบเบรคแล้ว ให้คนที่บ้านดู หรือถอยหลังเข้ากำแพงหรือกระจก แล้วลองสังเกตดูข้างซ้าย-ขวา ว่าติดไหม ถ้าติดก็โอเคผ่าน ถ้าไม่ติดก็ทำการเปลี่ยนซะ เพราะถ้าไม่เปลี่ยนจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง และผู้อื่น แล้วยังถูกตำรวจจับอีกด้วยนะ   

 

8. ลมยาง

          ลมยางรถยนต์เรื่องง่ายๆ ที่ควร ตรวจเช็คลมยาง รถของท่าน ถ้าเติมเยอะเกินไปรถก็จะยึดเกาะถนนไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าเติมน้อยเกินไป หน้าสัมผัสยางก็จะสัมผัสกับถนนเยอะเกินไป ทำให้กินน้ำมันรถยนต์มากกว่าปกติ ซึ่งเราควรที่จะหนั่นตรวจสอบให้อยู่ในค่าที่โรงงานกำหนด โดยสามารถดูจากฉลากที่ติดอยู่ตรงขอบประตูรถเวลาที่เราเปิดประตูออกมาได้ เพื่อนๆ ควรที่จะหาซื้อเกจ์วัดลมยางเก็บไว้สัก 1 อัน เอาไว้เช็คลมยางรถตัวเอง

 

9. ประกัน

 

ประกันอุบัติเหตุก็สำคัญ กรณีที่ไปเชี่ยวชนคนอื่นจะได้ไม่ต้องเสียเงินเอง และที่สำคัญและขาดไม่ได้เลย ประกันผู้ผลิต/วารันตีผู้ผลิต หากยังอยู่ในวารันตีก็สบายใจหายห่วง แต่ถ้าหมดแล้วละก็ ต้องรีบต่อเลย เพราะค่าอะไหล่แพงมากๆ จะต่อกับที่เดิม หรือ บริษัทที่ให้บริการก็ได้เหมือนกัน เช่นต่อกับ ประกันอะไหล่ AsiaCare Warranty       คุ้มครองต่อจากผู้ผลิตทันที ซ่อมศูนย์บริการ เปลี่ยนอะไหล่แท้ ไม่ตรวจสภาพรถ ไม่จำกัดครั้งในการเคลม ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ ตามเงื่อนไข และยังผ่อนค่าเบี้ยได้อีก 0%

LINE : @asiacarewarranty (มี@)
โทร : 02-656-9477 ต่อ 101
     : 02-656-9559 ต่อ 101