ข้อควรทำ และ ไม่ควรทำ เมื่อขับรถสู้ฝนตกหนัก
ปัจจุบันนี้อัตราการเกิดฝนฟ้าคะนองมีทั่วทุกแห่งทั่วประเทศไม่ว่าจะเบาหรือน้อยจึงทำให้ผู้ขับขี่ต้องพึ่งระวังการเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักจนบางครั้งถนนบางสายมีน้ำท่วมขังสูงจนไม่สามารถเดินรถได้ โดยระดับความแรงของฝนบ้านเราจะแบ่งได้ง่ายๆ ก็จะมี ฝนตกเล็กน้อย, ฝนตกหนัก และฝนตกหนักมากพร้อมลมแรง ฉะนั้นผู้ใช้รถควรรู้หลักการขับขี่ฝ่าฝนตกเพื่อความปลอดภัยทั้งคุณและผู้ร่วมทางคนอื่น “ทิพเลดี้” จึงรวมข้อควรทำและไม่ควรทำเวลาขับรถในหน้าฝนมาให้คุณสาวๆ ได้เตรียมตัวรับมือล่วงหน้าก่อนเจอสถานการณ์จริงที่ฝนกระหน่ำมาให้ ดังนี้
ข้อควรทำ
1. เปิดที่ปัดน้ำฝนระดับปานกลาง
เมื่อฝนเริ่มตกที่ปัดน้ำฝนหน้ารถควรเปิดใช้งานเป็นอุปกรณ์แรก โดยเริ่มจากระดับกลางแล้วปรับความหน่วงตามระดับของฝนที่ตกลงมาเพื่อเคลียร์สายฝนที่ตกลงมาไม่ให้ขวางการมองเห็น และต้องไม่ลืมที่จะดูแลยางของที่ปัดด้วยเช่นกัน หากได้ยินเสียงเอี๊ยดหรือดูแลปัดน้ำไม่หมดต้องรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัยขณะใช้งานเมื่อฝนตกหนัก
2. สัญญาณไฟเลี้ยวและทิ้งระยะคันหน้า
ห้ามลืมเด็ดขาดคือการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเตือนผู้ร่วมใช้ถนนก่อนที่จะเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน ซึ่งระยะการเปิดไฟควรทิ้งนานกว่าปกติไม่น้อยกว่า 30 เมตร ก่อนเลี้ยวควรจับพวงมาลัย 2 มือในตำแหน่งมือซ้ายอยู่ที่เลข 9 นาฬิกา มือขวาอยู่ที่เลข 3 นาฬิกาพร้อมลดความเร็วลง เพื่อป้องกันรถเกิดอาการเหินน้ำ และการเบรคซึ่งจะใช้ระยะทางในการหยุดรถที่มากกว่าบนพื้นผิวที่แห้ง ควรทิ้งช่วงห่างจากรถคันข้างหน้าให้มากกว่าปกติ เพื่อให้มีระยะในการหยุดรถได้อย่างปลอดภัย
3. จับพวงมาลัย 2 มือ
เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่ควรจับพวงมาลัยทั้งสองมือเพื่อความไม่ประมาท เนื่องจากเวลาฝนตก ถนนมีความลื่น เพื่อการบังคับรถให้อยู่ควรจับสองมือจนกว่าจะฝ่าพายุฝนไปได้
4. เปิดไฟหน้ารถ
เพื่อให้ไฟท้ายของรถทำงานเป็นสัญญาณให้รถคันที่ขับตามมาจะได้กะระยะห่างรถได้ถูกและการเปิดไฟหน้ารถทำให้ทัศนคติการมองเห็นชัดเจนขึ้นตามมา
5. เปิดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง
เพื่อลดฝ้าที่เกาะกระจกทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนในขณะขับฝ่าฝน ฉะนั้นไม่ควรปิดแอร์ให้ปรับแอร์ให้เย็นขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารกับนอกรถที่มีอากาศเย็นจากฝนตกจะได้มีอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกันเพื่อลดฝ้าที่เกิดขึ้น
ข้อไม่ควรทำ
1. เปิดไฟสูง
หลายคนมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่าเมื่อฝนตกหนักต้องใช้ไฟสูง แต่ลำแสงของไฟสูงจะไปทิ่มเข้าที่ดวงตารถคันที่สวนมาจนตาพร่า ฉะนั้นเปิดเพียงไฟต่ำก็เพียงพอสำหรับการมองเห็นในขณะฝนตกแล้ว
2. ไฟฉุกเฉิน
ไฟฉุกเฉินหรือไฟกะพริบในขณะฝนตกและกำลังรถวิ่งอยู่ ห้ามอย่างเด็ดขาด นอกจากจะทำให้ผู้ร่วมทางที่ตามมาหรือสวนไปมาตาลาย ยังทำให้ผู้ที่ขับตามมายากที่จะแยกแยะว่ารถคันหน้ากำลังจอดอยู่หรือกำลังวิ่งอยู่ ไฟฉุกเฉินกะพริบนั้นจะใช้ในกรณี “จอดฉุกเฉิน” เท่านั้น
3. ไม่ควรลุยน้ำลึกเกินไป
ฝนตกหนักน้ำท่วมพื้นผิวการจราจรส่งผลให้น้ำขังในระดับที่เกินกว่าปกติของรถยนต์ในบางรุ่นที่จะลุยฝ่าไปได้ เพราะถ้าดันทุรังลุยน้ำเกินกว่าระดับที่ท้องรถรับได้จะส่งผลต่อห้องเครื่องทำให้เครื่องดับหรือช็อคกลางน้ำทันที ดังนั้นผู้ขับขี่ควรจะต้องประเมินดูอย่าให้เกินกว่าขอบประตูด้านล่าง แต่ถ้าเป็นรถกระบะยกสูงอาจจะลุยได้สูงมากกว่าปกติโดยประมาณเกือบครึ่งล้อ
4. ไม่ควรเหยียบเบรกแรงโดยไม่จำเป็น
อาการถนนลื่นตอนฝนตกเป็นเรื่องที่ผู้ขับขี่ต้องเจอ การเหยียบเบรกบางคนชอบกดแรงๆ ในยามกระชั้นชิด อาจจะได้ผลกับพื้นถนนที่แห้ง แต่จะไม่ได้ผลในเวลาฝนตกแน่นอน เพราะน้ำฝนที่ตกลงมาจะทำให้การสัมผัสของหน้ายางกับถนนน้อยลงไป จนอาจส่งผลให้เสียหลักได้ ดังนั้นควรแตะเบรกเบาๆ แบบเนิ่นๆ (ขอบคุณที่มา : Tip Insure)
ฉะนั้นขณะที่ขับรถลุยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทุกคนควรต้องพึ่งระวังให้มากขึ้น เพราะอุบัติเหตุยามฝนตกหากเกิดขึ้นแล้ว อันตรายต่อชีวิตสูงมากผู้ขับขี่ไม่ควรละสายตาจากถนน เพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่ละสายตาก็อาจจะเกิดขึ้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ รวมไปถึงการมีประกันอะไหล่รถยนต์ AsiaCare Warranty ในการดูแลอะไหล่รถยนต์ ให้บริการเข้าศูนย์บริการเท่านั้น (เข้าได้ทั่วประเทศ) รถเสียอะไหล่พัง สบายใจแน่นอน
สนใจแอดไลน์ได้ที่
LINE : @asiacarewarranty (มี@)
TEL : 02 656 9477 ต่อ 101