ฝนตกรถติดเป็นอะไรที่มักคู่กันเสมอ โดยเฉพาะเวลาหลังเลิกงานที่ทุกคนรีบเร่งกลับบ้าน ยิ่งถ้าเป็นวันศุกร์พร้อมกับเงินเดือนออกแล้วล่ะก็ เตรียมซื้อกับข้าวมาทานบนรถได้เลย!
แล้วเคยสงสัยไหมว่าทำไมฝนตกแล้วรถจึงติด ในเมื่อถนนก็ยังเป็นเส้นเดิมเหมือนที่วิ่งทุกวัน กับแค่มีน้ำแฉะๆ เจิ่งนองอยู่บนถนน ถึงกับทำให้การจราจรเป็นอัมพาตได้เลยหรือ เรามีข้อสรุปมาฝากกันครับว่าทำไมฝนตกแล้วรถจึงติด
1.ใช้ความเร็วได้น้อย
ฝนที่โปรยปรายลงมาส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง จึงทำให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วได้น้อยลงตามไปด้วย ขณะที่พื้นถนนที่เปียกแฉะมีความลื่นมากกว่า หลายคนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วยการใช้ความเร็วต่ำกว่าปกตินั่นเอง
2.เกิดอุบัติเหตุหลายจุด
ฝนตกถนนลื่น ทัศนวิสัยก็ไม่ดี จึงไม่แปลกที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นในหลายจุด หากรถที่ประสบอุบัติเหตุไม่สามารถหลบหลีกเข้าข้างทางได้ ก็จะยิ่งส่งผลให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ช้า หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายจุดพร้อมๆ กัน ก็จะส่งผลต่อเนื่องให้รถติดเป็นวงกว้างได้
3.มีน้ำท่วมขังบนถนน
หากจุดไหนมีน้ำท่วมขังบนถนน ก็จะส่งผลให้รถชะลอตัว และจะส่งผลต่อเนื่องเป็นทอดๆ ทำให้การจราจรชะลอตัวเป็นวงกว้างด้วยเช่นกัน ซึ่งน้ำที่ท่วมขังอยู่บนถนน ก็มักเกิดขึ้นจากมีเศษขณะเข้าไปอุดตัน ทำให้น้ำระบายได้ช้านั่นแหละ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเนอะว่า ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง สามารถทำให้รถติดได้!
6.หยุดรถค้างกลางสี่แยก
ในเมื่อรถติดอยู่แล้ว แต่หลายคนก็ยังซ้ำเติมกันเข้าไปอีกด้วยการหยุดรถคาสี่แยก ทำให้รถฝั่งที่พอเคลื่อนตัวได้ต้องมาติดร่างแหไปด้วย และเชื่อว่า 99.9999 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยไม่รู้ว่าการหยุดรถคาสี่แยก (แม้ว่าจะได้ไฟเขียว แต่ไปต่อไม่ได้เพราะรถติด) มันผิดกฎหมายด้วย!
เนื่องจาก พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71 ระบุว่า "ถ้าสัญญาณจราจรไฟสีเขียวปรากฏข้างหน้า แต่ในทางร่วมทางแยกมีรถอื่นหยุดขวางอยู่จนไม่สามารถผ่านพ้นทางร่วมทางแยกไปได้ ผู้ขับขี่จะต้องหยุดรถที่หลังเส้น ให้รถหยุดจนกว่าจะสามารถเคลื่อนรถผ่านพ้นทางร่วมทางแยกไปได้"