1. ป้ายห้ามจอด
ป้ายห้ามจอด (ซ้าย) ป้ายห้ามเข้า (ขวา)
“ป้ายห้ามจอด” คือ ป้ายจราจรที่มีสัญลักษณ์วงกลม มีพื้นหลังสีน้ำเงิน และมีเส้นสีแดงขีดคาดข้างเดียว ส่วน “ป้ายห้ามเข้า” คือป้ายที่มีสัญลักษณ์วงกลม มีพื้นหลังสีแดง และมีขีดสีขาวแนวนอนอยู่ตรงกลางขีดเดียว ผู้ที่เป็นมือใหม่หัดขับ หรือผู้ใช้รถที่กำลังรีบ ๆ ไม่ทันได้สังเกตมักจะตีความสองป้ายนี้ผิดบ้าง หรือจำความหมายสลับกันบ้าง ซึ่งความเข้าใจผิดนี้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
2. ป้ายทางคดเคี้ยว
ป้ายบอกทางคดเคี้ยว (ซ้าย) ป้ายบอกถนนลื่น (ขวา)
หลาย ๆ คนมักเกิดความเข้าใจผิดว่า "ป้ายบอกทางคดเคี้ยว" เป็น “ป้ายบอกถนนลื่น” เพราะป้ายดังกล่าว มีลักษณะเป็นลูกศรที่คดเคี้ยวไปมา คล้ายกับเส้นคดเคี้ยวในป้ายถนนลื่น แต่แท้จริงแล้วป้ายบอกทางคดเคี้ยว ก็คือป้ายที่บอกให้ทราบว่าทางด้านหน้ามีโค้งเยอะ ควรขับรถให้ช้าลงเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
3. ป้ายทางเบี่ยง
"ป้ายทางเบี่ยง" อีกหนึ่งสัญญาณจราจร ที่คนมักจำผิดว่าเป็นป้ายบอกสะพาน เพราะลักษณะในป้ายดันไปคล้ายสะพานและน้ำนั่นเอง จึงทำให้คนที่ไม่รู้หรือจำไม่ได้เพราะพบเห็นไม่บ่อยเกิดความเข้าใจผิดไปว่าทางด้านหน้ามีสะพาน
4. ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน
"ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน" เป็นป้ายสัญลักษณ์ จราจรที่มีลูกศรสีแดงและสีดำชี้สลับทิศทางกัน พบเห็นได้บ่อยในทางแคบหรือเส้นทางที่เดินรถได้ทีละคันเท่านั้น ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะเกิดความสนสนว่า ลูกศรฝั่งไหนควรไปก่อน ? ในจุดนี้ขอบอกเอาไว้เลยว่า หากลูกศรสีแดงอยู่ฝั่งเดียวกับคุณ คุณต้องหยุดรถให้รถที่สวนมาได้ไปก่อน จึงจะไปต่อได้
5. ป้ายเตือนกระโดด
"ป้ายเตือนกระโดด" อาจทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่า นี่คือรูปภูเขา เมื่อเห็นป้ายนี้จึงเข้าใจไปว่าใกล้ภูเขาแล้ว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่! นี่คือป้ายที่เตือนว่า ทางข้างหน้าจะมีเนินเตี้ย ๆ อยู่ ให้ชะลอความเร็วและขับรถอย่างระมัดระวัง หากขับเร็วจนเกินไปอาจทำให้รถกระดอนจนเกิดอุบัติเหตุหรือช่วงล่างเสียหายได้
6. เครื่องหมายจราจร สีเหลือง-สลับขาว
คนไม่รู้จะเข้าใจไปว่า เครื่องหมายตามขอบฟุตบาทที่มีสีเหลืองและสีขาวสลับกัน เป็นเครื่องหมายจอดชั่วคราวที่รถทุกประเภทสามารถจอดได้ แต่จริง ๆ แล้วนี่คือพื้นที่ "จอดชั่วคราว" สำหรับให้ "รถโดยสาร" หยุดรับสั่งคนชั่วขณะหรือส่งของเท่านั้น รถประเภทอื่น ๆ ห้ามจอด หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตามกฎหมาย
ขอบคุณที่มาแหล่งความรู้ : chobrod