หน้าแรก / บริการอื่นๆ / เปียกอย่างไรไม่ให้ป่วย วิธีดูแลตัวเองหลังเปียกฝน
บริการอื่นๆ
เปียกอย่างไรไม่ให้ป่วย วิธีดูแลตัวเองหลังเปียกฝน

วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝน

 

 

ข้อที่ 1 รีบถอดเสื้อผ้าที่เปียกฝนออก

ขั้นตอนแรกหลังจากโดนฝนเลยก็คือรีบถอดเสื้อผ้าไปซักหรืออาจจะเอาไปผึ่งให้แห้งก่อนนั่นเองค่ะ วิธีการนี้ดูเป็นอะไรที่เบสิคมาก ๆ ใคร ๆ ก็ทำนะคะ แต่ว่ามีหลายคนเลยที่เปียกฝนแล้วไม่ยอมรีบเปลี่ยนเสื้อหรือถอดเสื้อออก การทำแบบนี้อาจจะทำให้เราเป็นโรคปอดบวม เป็นไข้ เป็นหวัดหรืออาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ เนื่องจากน้ำฝนที่ตกลงมาต้องโดนอากาศ มลภาวะในอากาศแล้วมาหยดลงบนตัวเรา การที่เรายังใส่เสื้อพวกนี้ไม่ยอมรีบถอด ก็อาจจะทำให้เชื้อโรค แบคทีเรียมันเล่นงานให้ป่วยได้นะคะ รู้แบบนี้แล้วใครสะดวกซักก็ซักเลยนะคะ แต่ถ้าใครยังไม่สะดวกก็ผึ่งให้แห้งหน่อยแล้วตอนที่ว่างก็ค่อยมาซัก อย่าเอาผ้าเปียกไปกอง ๆ รวมกันนะคะ ไม่งั้นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราจะถามหาได้

 

ข้อที่ 2 รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย

หลังจากถอดเสื้อผ้าออกแล้วเราก็ต้องไปอาบน้ำต่อเลยค่ะ สิ่งนี้ก็สำคัญมาก ๆ นะคะ อย่างที่บอกไปว่าฝนที่ตกลงมามันไม่ได้สะอาด อาจจะเก็บเอาพวกมลภาวะ เชื้อโรคต่าง ๆ แล้วมาหยดลงบนผิวเรา แม้ว่าจะไม่โดนฝนตรง ๆ เพราะมีเสื้อผ้าคอยซับน้ำไว้แต่มันก็โดนผิวเราอยู่ดีนะคะ ไหนจะจุดซ่อนเร้นที่อาจจะอับชื้นหรืออาจจะได้รับเชื้อโรคจนติดเชื้อได้ด้วย ดังนั้นเราจะต้องอาบน้ำด้วยการใช้สบู่ในการทำความสะอาดผิว ซึ่งเดี๋ยวนี้เขามีสูตรทำความสะอาดล้ำลึกถึงขั้นขจัดฝุ่น P.M 2.5 ได้ด้วยนะคะ เลือกสูตรที่เหมาะกับผิวและการใช้งานได้เลย 

 

ข้อที่ 3 สระผมให้สะอาดแม้โดนแค่ละอองฝน

นอกจากอาบน้ำถูสบู่ให้ผิวสะอาดแถมหอมฉุยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญม้ากกก~ ก็คือการสระผมนะคะ แม้ว่าบางคนอาจจะใส่เสื้อกันฝนหรือกางร่มแล้ว แต่ละอองฝนก็ยังมีกระเด็นหรือมีมาโดนผมแน่ ๆ เป็นแบบนี้ก็ต้องสระผมนะคะ เหตุผลเหมือนเดิมเลยค่ะ ฝนไม่ได้สะอาดถ้าไม่ทำความสะอาดมันก็จะติดอยู่บนนั้นไปเรื่อย ๆ แล้วอาจจะทำให้เราได้รับเชื้อโรคทางใดทางหนึ่งได้ด้วย ยิ่งคนที่โดนฝนตรง ๆ แบบหัวเปียกเป็นลูกหมาแล้วต้องสระผมเลยนะคะ เพราะนอกจากฝนจะไม่สะอาดทำให้เราป่วยได้แล้ว ยังมีเรื่องของอุณหภูมิร่างกายกับเม็ดฝนด้วยนะคะ อย่างที่รู้ว่าฝนตกจะค่อนข้างเย็นถ้าตกลงบนหัวเราที่มีอุณหภูมิร่างกายอุ่น ๆ แล้วทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจจะทำให้เป็นไข้หรือเป็นหวัดได้ ควรเป่าผมให้แห้งทันที

 

ข้อที่ 4 ใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ หรือทำร่างกายให้อบอุ่นเข้าไว้

อาบน้ำ สระผม เป่าผมให้แห้งแล้วก็หาเสื้อผ้าอุ่น ๆ ใส่เลยค่ะ อากาศช่วงหน้าฝนมักจะเย็นสบายนะคะ ถ้าไม่ทำให้ร่างกายของเราอบอุ่นมากขึ้นก็อาจจะทำให้เราป่วยได้เหมือนกันและ... ถ้าฝนตกหนักจนอากาศหนาวไม่ไหวแล้วอยากให้บ้านอุ่นขึ้น เราแนะนำให้เปิดแอร์เลยค่ะ หลายคนอาจจะเอ๊ะ? มันช่วยอะไร คือแบบนี้ค่ะ แอร์คือเครื่องปรับอากาศ ประเทศไทยบ้านเราจะชินกับการปรับให้มันอากาศเย็นแต่จริง ๆ เรามันสามารถปรับให้อุณหภูมิอุ่นขึ้นได้ ด้วยการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิสูง ๆ อาจจะเปิดสัก 27-28 องศาเซลเซียสประมาณนั้นนะคะ หรือถ้าใครไมอยากเปลืองไฟก็แนะนำว่าใส่ถุงเท้า เสื้อแขนยาว เสื้อกันหนาว กางเกงขายาวแล้วห่มผ้าหนา ๆ จะช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นดีขึ้น

 

ข้อที่ 5 ถ้ายังไม่มีอาการป่วย "ห้าม" กินยาดัก!

มาถึงข้อที่เชื่อว่าหลายคนเคยทำนะคะ นั่นก็คือ " การกินยาดัก " ใครไม่เคยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะ แต่ถ้าใครเคยขอให้รู้ไว้เลยว่าเป็นความเข้าใจผิดสุด ๆ ค่ะ คือการกินยาพารา ยาแก้แพ้อากาศเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นไข้ ไม่ให้เป็นหวัดมันไม่สามารถทำได้เลยค่ะ คือยามันจะไปช่วยบรรเทาอาการที่เราเป็นให้ดีขึ้น ถ้าเราไม่ได้เป็นอะไร ยามันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเช่นกันค่ะ ดังนั้นถ้าตากฝนหรือโดนฝนมาแล้วร่างกายไม่มีอะไรผิดแปลกไป ไม่ตัวร้อน ไม่ปวดหัว ไม่จาม ไม่ไอ ไม่เจ็บคอก็ไม่ต้องกินยาดักนะคะ

 

ข้อที่ 6 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่ายาก็คือการพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ อย่างที่เรารู้ ๆ กันนะคะว่าร่างกายเราถ้านอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและอาจจะทำให้ป่วยได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าเรารู้ตัวว่าเราโดนฝนมาก็ให้รีบนอนหรือเช็คเวลาเพื่อทำการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 - 10 ชั่วโมงนะคะ ใครนอนอิ่มแค่ไหนก็ตั้งไว้ตามนั้นเลย ถ้าเรานอนพอสมองเราก็จะปลอดโปร่ง ความจำดี ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ ด้วย รู้แบบนี้แล้วทุกคนก็พยายามอย่านอนดึกถ้าไม่จำเป็นนะคะ 

 

ข้อที่ 7 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ

และที่สำคัญต้องการทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอนั่นเองค่า สุขภาพเราจะแข็งแรงพร้อมสู้กับอากาศที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อนตับแตก เดี๋ยวเย็นเพราะฝนตกหนักได้ ก็ต้องมีสุขภาพดีจากข้างในก่อนนะคะ การทานอาหารที่มีประโยชน์ก็คือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่มัน ไม่หวาน ไม่เค็ม ไม่เปรี้ยวและไม่เผ็ดเกินไป มีผักและผลไม้ทานเสริมเข้าไป แล้วก็อย่าลืมดื่มน้ำให้ครบ2 ลิตร ในแต่ละวันด้วยนะคะ เพราะมันจะช่วยทำให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น สดชื่น ผิวชุ่มชื้น ขับถ่ายได้ดีอีกด้วย