1. ตรวจเช็คสภาพห้องเครื่องรถยนต์ ก่อนเดินทาง
เครื่องยนต์เปรียบเสมือนหัวใจหลักของรถยนต์ ยิ่งเราต้องมีความจำเป็นต้องเดินทางไกล ยิ่งต้องตรวจเช็คให้ละเอียดทุกอย่างก่อนจะออกเดินทาง เช่น ดูว่ามีสายไฟชำรุดหรือ มีน้ำมันเครื่องรั่วซึมไหม รวมไปถึงสายพรานเครื่องยนต์ และ ที่สำคัญที่สุดคือ ระบบหม้อน้ำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพัดลมไฟฟ้า หรือ สายหม้อน้ำต่างๆ ว่ามีการรั่วหรือไม่
2. สภาพยางรถยนต์
ยางเป็นสิ่งเดียวที่ยึดติดอยุ่กับบนถนน เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญไม่เเพ้ส่วนอื่น ถ้ายางของท่านเสื่อมหมดสภาพ ก็สามารถจะทำให้รถของท่านนั้น เกิดอุบัติเหตุไม่มากก็น้อย เพราะว่าจะมีผลต่อ ระยะของการเบรค รวมไปถึง การยึดเกาะถนนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะเปลี่ยนยางรถยนต์ของท่านเมื่อถึงอายุการใช้งานทุกครั้ง 2-3 ปี หรือ ตามระยะกิโลเมตร ในงานใช้รถ
3.น้ำมันเบรค
เบรครถยนต์ เปรียบเสมือนความปลอดภัยของชีวิต เมื่อเบรครถยนต์ของท่านมีปัญหาก็อาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันได้เพราะฉะนั้น ควรตรวจเช็คน้ำมันเบรกอยู่สม่ำเสมอ ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกเมื่อเป็นสีคล้ำขึ้น โดยปกติจะเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน แต่หากน้ำมันเบรกเปลี่ยนสีเร็วกว่าปกติ ก็อาจจะมีสาเหตุมาจากความชื้น แต่ถ้ากระปุกน้ำมันเบรคแห้งหรือเบรคมีอาการลึกต้องเหยียบมากกว่าปกติ ก็อาจจะเกิดจากการรั้วซึมจากสายข้ออ่อนเบรคได้
4.การตั้งศูนย์ล้อ
มีมุมล้อหลักๆที่จำเป็นนั้นจะมีอยู่ 3 มุมด้วยกัน นั่นก็คือ มุมโท (toe) มุมแคสเตอร์ (caster) มุมแคมเบอร์ (camber) ควรจะตั้งให้เหมาะสมและเเม่นยำอยุ่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้รถมีความสมดุล เวลาที่ขับขี่ รถจะได้อยู่ในทิศทางที่ตรง ไม่เบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง และควรจะทำพร้อมกันทุกล้อ เพราะจะช่วยในการลดการเกิดอุบัติเหตุและการพลิกคว่ำได้มากเลยทีเดีย
5. ดูแลแอร์รถยนต์
ตรวจเช็กระบบแอร์ทุกๆ 3 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาแอร์ หรือ ตู้แอร์ทั้งระบบ เพื่อให้แอร์รถยนต์ของท่านใช้งานได้ดีตลอดเวลา หากอยากให้แอร์รถยนต์มีอายุการใช้งานนานๆ ควรจะปิดแอร์ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์สัก 5 นาที เหตุผลก็เพื่อเป็นการลดความชื้น จะทำให้เกิดการอุดตันจากฝุ่น
6. น้ำมันเครื่อง
การสึกหรอของเครื่องยนต์นั้น เกิดได้หลายสาเหตุ ถ้าน้ำมันเครื่องยนต์ของรถท่านรั่วซึมหรือ ไม่ถ่ายเปลี่ยนในเวลาที่นานจนเกินไป อาจจะทำให้เครื่องยนต์ของท่านพังได้ แล้วเราควรจะเลือกน้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพสูง เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งาน รวมถึงการหมั่นเช็คระดับน้ำมันเครื่องหลังจากใช้รถทุกครั้ง
ขอบคุณที่มา : ecocar