-
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน “ อะไหล่รถยนต์ ” ได้รับความเสียหาย จึงอาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า “ ราคาอะไหล่รถยนต์ ” แพงไหม ? หากจำเป็นต้องเปลี่ยนต้องเตรียมเงินประมาณเท่าไหร่ หรือเมื่อเกิดความเสียหายประกันให้ความคุ้มครองหรือไม่ ?
-
1. ชุดระบบเกียร์
กรณีได้ยินเสียง “กึก” พร้อมกับรถยนต์หยุดเคลื่อนที่ในทันที นั่นคือสัญญาณเตือนที่กำลังส่งเสียงบอกคุณว่า “ระบบเกียร์มีปัญหา” เกิดจากการขาดการซ่อมบำรุง เมื่อมีชิ้นส่วนใดเสียหายกลับละเลย ไม่ซ่อมแซมในทันที จึงทำให้พบเจอกับปัญหาใหญ่ที่ทำให้คุณปาดเหงื่อไปอีกนาน เพราะมีค่าใช้จ่ายระดับ 100,000 บาท หรือมากกว่านั้นแตะ 200,000 บาท หากเป็นแบรนด์รถหรูหรือเป็นรถที่อะไหล่หายาก ไม่ค่อยมี และระบบมีความเสียหายมาก ต้องซ่อมต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนเยอะ
-
2. ชุดเพลาลูกเบี้ยว
อีกหนึ่งอะไหล่รถยนต์ที่หลายคนมักหลงลืมไป จนทำให้ละเลยการเอาใจใส่ รวมถึงบางคนที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า “ชุดเพลาลูกเบี้ยว” ทำงานในระบบไหนกันแน่ ซึ่งอะไหล่รถยนต์ส่วนนี้มีหน้าที่ดูแลการเปิดปิดของลิ้นไอเสีย และเคลื่อนที่ด้วยเฟืองที่ขบเฟืองของเพลาข้อเหวี่ยง ในกรณีที่เฟืองทั้งสอง “ขบชนกัน” แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือแตก หัก และเสียหาย จึงเป็นเหตุผลที่คุณไม่ควรละเลยอะไหล่ชิ้นนี้ เนื่องจากหากต้องมีการเปลี่ยนทั้งชุด ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ “ครึ่งแสน” เลยล่ะ
-
3. ชุดช่วงล่าง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ชุดช่วงล่าง” เป็นอะไหล่รถยนต์ที่ทำงานหนักมาก เนื่องจากต้องรับน้ำหนักของรถยนต์ทั้งคัน รวมถึงแรงกระแทกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการป้องกันไม่ให้ใต้ท้องรถเกิดความเสียหาย เมื่อใดก็ตามที่พบว่าช่วงล่างรถยนต์มีปัญหา บิดเบี้ยว คำว่า “งานงอก” จะวิ่งเข้ามาในหัวของคุณทันที
เพราะหมายความว่าคุณจะต้องยกชุดช่วงล่างใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้แก่ โช๊คอัพ ลูกหมาก แหนบรับน้ำหนัก และชุดคันส่งต่าง ๆ โดยมีราคาที่ต้องจ่ายประมาณ 80,000-100,000 บาท แต่ถ้าหากเป็นโช๊คอัพที่อัพเกรดคุณภาพขึ้นไปอีกระดับ ราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไปกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายมีโหดสุด ๆ ก็ว่าได้
-
4. ชุดกระบอกสูบ
“ชุดกระบอกสูบ” เป็นอะไหล่รถยนต์ที่ถ้าหากเกิดความเสียหาย บอกเลยว่าคุณมีแววว่าจะหมดตัวได้ง่าย ๆ เนื่องจากอะไหล่รถยนต์ชิ้นนี้เป็น “แหล่งกำหนดพลังการขับเคลื่อน” ให้รถพุ่งไปด้านหน้าด้วยการเผาไหม้ และอัดพลังงานในกระบอกสูบ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเป็น “หัวใจหลักของระบบเครื่องยนต์” แค่ได้ยินชื่อก็ขนหัวลุกแล้วใช่ไหมล่ะ !?
ซึ่งตามปกติแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระบอกสูบ มีทั้งปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงปัญหาระดับใหญ่ชวนเหงื่อตก โดยเฉพาะการเฉี่ยวชนอย่างรุนแรง จนทำให้กระบอกสูบแตกหรือบิดเบี้ยว กรณีที่รถมีอายุมากและมูลค่าในท้องตลาดต่ำ เจ้าของรถมักเลือก “ขายซาก” มากกว่านำกลับมาซ่อมใหม่ เพราะการเปลี่ยนชุดกระบอกสูบแต่ละครั้ง มีราคาที่ต้องจ่ายอยู่ที่ 60,000-100,000 บาท เมื่อเทียบราคาซ่อม vs ซื้อรถมือสองสภาพดี ๆ เลือกซื้อรถมือสองยังจะดีซะกว่า
-
5. ชุดเพลาขับ
“ชุดเพลาขับ” มักมีปัญหาในเรื่อง “สภาวะบิดเบี้ยว ผิดรูป” ส่งผลให้การขับขี่บนท้องถนนไม่มีความปลอดภัย แถมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็แพงหูฉี่ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะอะไหล่รถยนต์ส่วนนี้เปรียบเหมือน “กระดูกสันหลัง” ที่ทอดยาวไปตามขนาดความยาวของตัวรถ มีความสัมพันธ์กับระบบเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ ซึ่งส่วนใหญ่หากชิ้นส่วนชิ้นนี้เกิดความเสียหายรุนแรง นอกจากจะต้องเปลี่ยนชุดเพลาขับ แล้วยังต้องเปลี่ยนช่วงล่างตามไปด้วย
- ขอบคุณที่มา mrkumka
และหากท่านใดอยากลดความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายการซ่อมอะไหล่รถ สามารถทำประกันอะไหล่รถยนต์ AsiaCare Warranty ไว้คุ้มครองรถ บริการซ่อมศูนย์เปลี่ยนอะไหล่แท้เท่านั้น