หน้าแรก / บริการอื่นๆ / วิธีดูแลรถ 3 ฤดู เพิ่มความปลอดภัย แถมยืดอายุการใช้งาน
บริการอื่นๆ
วิธีดูแลรถ 3 ฤดู เพิ่มความปลอดภัย แถมยืดอายุการใช้งาน
วิธีดูแลรถช่วงฤดูร้อน
เป็นฤดูที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบกันสักเท่าไร เนื่องจากแสงแดดที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรต่อผิวแล้ว แถมยังจะทำให้เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะอีกด้วย แต่ในช่วงฤดูนี้ก็เหมาะกับการขับรถออกไปเที่ยวทะเลเป็นที่สุด
- ยางรถยนต์ – ทุกครั้งที่รถวิ่งไปอุณหภูมิของยางจะสูงขึ้น ยิ่งในหน้าร้อนยังต้องมาเจอกับถนนร้อนๆ อีก จะทำให้อุณหภูมิภายในยางสูงขึ้นจนเกิดระเบิดได้ ดังนั้นควรเติมลมยางให้มากขึ้นสัก 1-2 ปอนด์ เพื่อลดอุณหภูมิที่เกิดจากการบิดตัวของแก้มยาง และหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพของยางด้วย
- ที่ปัดน้ำฝน – ยางกับความร้อนเป็นอะไรที่ไม่ถูกกัน เพราะความร้อนจะเร่งการเสื่อมสภาพของยาง ยิ่งในช่วงฤดูร้อนพวกยางปัดน้ำฝนเราจะแทบไม่ได้ใช้เลย ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นบนกระจกจะเป็นตัวเร่งการเสื่อมสภาพ ดังนั้นเวลาจอดรถในช่วงหน้าร้อน ให้ยกใบปัดน้ำฝนขึ้น จะช่วยยืดอายุของยางปัดน้ำฝน
- แอร์ – ฤดูร้อนทำให้การทำงานของแอร์ในรถยนต์ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพราะต้องเร่งทำความเย็นสู้กับอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อขึ้นรถอย่าเพิ่งรีบร้อนเปิดแอร์ในทันที ควรเปิดประตูหรือกระจกเพื่อปรับอุณภูมิภายในรถเสียก่อน พร้อมเปิดพัดลมแอร์เบอร์แรงสุด โดยอย่าเพิ่งเปิดสวิตช์การทำงานของคอมเพรสเซอร์ หรือ A/C รอให้ไอร้อนจากช่องแอร์ออกมาจนหมดจึงค่อยกดปุ่ม A/C แบบนี้ก็จะช่วยลดการทำงานของแอร์ลงไปได้เยอะเลย
- อุปกรณ์ภายในรถ – อย่างเบาะ หรือปุ่มกดต่างๆ ที่ทำจาก ยาง พลาสติก และหนัง วัสดุเหล่านี้ไม่ถูกกับความร้อน โดยเฉพาะการจอดรถตากแดดเป้นเวลานานๆ ยิ่งจะเร่งให้เสื่อมสภาพ ดงันั้นหากต้องจอดรถตากแดด ให้แง้มกระจกทั้ง 4 ด้านไว้เล็กน้อย แค่พอให้ปลายนิ้วลอดได้ เพื่อระบายความร้อนระหว่างที่รถจอดตากแดด
- หม้อน้ำ – ปกติแล้วเครื่องยนต์ระบายความร้อนโดยการทำงานของหม้อน้ำ ยิ่งในช่วงหน้าร้อนแบบนี้เครื่องยนต์จะร้อนกว่าปกติ ดังนั้นอย่าลืมเช็กหม้อน้ำด้วยว่ามีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ เพราะถ้าความร้อนขึ้นงานอาจเข้าได้
วิธีดูแลรถช่วงฤดูฝน
ในฤดูฝนควรขับรถโดยใช้ความระมัดระวังมากข้ึนเป็นเท่าตัว เพราะอาจเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย เหตุเพราะถนนลื่น ทางที่ดีหากเจอฝนควรลดความเร็วลง และมีสมาธิกับการขับรถให้มากขึ้น
- ยางรถยนต์ – ฝนตกถนนลื่น คำเตือนที่เห็นได้อยู่บ่อยๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากยางเสื่อสภาพ ดอกโล้นหรือแห้งกรอบ ดังนั้นเข้าหน้าฝนแล้วควรหมั่นตรวจสภาพยาง หากพบว่าเสื่อมหรือใกล้หมดสภาพ ให้รีบเปลี่ยนดีกว่า เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
- ที่ปัดน้ำฝน – หากพบว่าใบปัดเสื่อมสภาพ ปัดแล้วรีดน้ำไม่หมดเห็นรอยเป็นเส้น จะทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นลดลง เพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนทันทีเมื่อพบว่าใบปัดทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
- เบรก – ในช่วงที่ฝนตกหนักๆ วิสัยทัศน์ย่ำแย่ อาจมองรถคันหน้าหรือสิ่งกีดขวางได้ไม่ดีนัก การตรวจสอบสภาพเบรกจะช่วยให้การเบรกในระยะประชิดดีขึ้น ลดการลื่นไถล หรือเบรกไม่อยู่ ที่อาจเสียงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
- ระบบไฟส่องสว่าง – อย่าลืมตรวจเช็กไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกตัวรถ เเพราะในกรณีที่ฝนตกหนักควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มระยะการมองเห็น และช่วยให้รถที่ตามมาเห็นไฟท้าย และควรเปิดไฟฉุกเฉินเฉพาะกรณีที่มีอุบัติเหตุรุเคลื่อนตัวได้ช้า หรือจำเป็นต้องจอดข้างทางเท่านั้น
วิธีดูแลรถช่วงฤดูหนาว
สวรรค์ของคนไทยคือฤดูหนาว ถือเป็นฤดูที่ใครหลายคนเฝ้ารอ เพราะอากาศที่เย็นสบาย เหมาะอย่างยิ่งในการขับรถเที่ยวขึ้นดอยขึ้นเขา
- เครื่องยนต์ – หน้าหนาวในบ้านเราไม่ค่อยมีผลต่อเครื่องยนต์เท่าไร แต่ทุกครั้งก่อนออกรถควรสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้มากกว่าปกติประมาณ 5 – 10 นาที และหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้พร้อม
- ระบบไล่ฝ้า – โดยปกติเราแทบจะไม่ได้ใช้ระบบไล่ฝ้าเลย ดังนั้นเมื่อเข้าหน้าหนาวแล้วลองเช็กระบบไล่ฝ้าดูว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ โดยการกดปุ่มเปิดไว้สักพักแล้วเอามือแตกที่กระจกว่ามีความร้อนหรือไม่ แต่ที่สำคัญอย่าลืมปิดหรือเปิดเล่นในช่วงหน้าร้อน เพราะอาจทำให้กระจกแตกได้
- ช่วงล่าง – ฤดูนี้เหมาะแก่การขึ้นเขาไปสัมผัสความหนาวเป็นที่สุด ดังนั้นอย่าลืมเช็กระบบช่วงล่างว่ายังทำงานได้สมบูรณ์อยู่หรือไม่ เพราะการขับรถขึ้นเขาช่วงล่างจะรับภาระแทบทั้งหมด
- แบตเตอรี่ – ดังที่บอกไปว่าฤดูนี้เหมาะแก่การขึ้นเขาเป็นที่สุด แต่อย่าลืมว่าถ้าแบตเกิดไปหมดบนเข้าล่ะก็งานเข้าเลย ดังนั้นก่อนออกทริปขึ้นเขาควรเช็กสภาพแบตให้พร้อมเลยจะดีกว่า
ที่มา : https://auto.mthai.com/news/tips/118068.html